นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กกท. ทำการประสานงานกับ WADA เพื่อคลายบทลงโทษ หลังบังคับใช้ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. สารต้องห้ามทางการกีฬา แล้ว (31 ธ.ค. 2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 64 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 แล้ว หลังจากที่ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาข้อกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency) หรือ WADA
ทั้งนี้ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาฯ มีผลใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 64 เป็นต้นไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เร่งประสานไปยัง WADA เพื่อชี้แจ้งว่าประเทศไทยได้แก้ไขปัญหาข้อกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ WADA ได้ปลดล็อคมาตรการต่างๆที่ดำเนินลงโทษกับประเทศไทย
ทั้งในส่วนการไม่ให้ตัดสิทธิประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬา รวมถึง การปลดล็อคเรื่องการชักธงชาติไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และในเรื่องอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ การเร่งแก้ไขปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นป้องกันผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประเทศไทยในปี 2565 ประมาณ 55,000 ล้านบาท ทั้งจากการพลาดโอกาสเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมกีฬาและในอุตสาหกรรมการกีฬาและการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่อง
ประยุทธ์ วอนให้ภาครัฐและภาคเอกชน ตรวจ ATK พนักงาน ในวันพรุ่งนี้ หลังหยุดยาวปีใหม่ เผยเตรียมแผนรองรับโควิดไว้แล้ว นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ร่วมกันควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในวันที่ 4 มกราคม
สถานที่ราชการ ธนาคาร สถาบันการเงิน กิจการธุรกิจต่างๆจะเปิดให้บริการเป็นวันแรก ขอความร่วมมือให้ทุกสถานประกอบการทุกประเภท หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงเรียน สถานที่มีการรวมกลุ่ม ทำการตรวจหรือสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ATK เมื่อกลับเข้ามาปฏิบัติงาน หากพบผลเป็นบวก (Positive) ให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทันที
‘นิด้าโพล’ เผยคนกรุงฯอยากได้ ‘ชัชชาติ’ เป็นผู้ว่า กทม. นำห่าง ‘ดร.เอ้’
นิด้าโพล เผยผลสำรวจประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่ากทม. พบว่าประชาชนยังอยากได้ ชัชชาติ เป็นผู้ว่าทิ้งห่าง ดร.เอ้ นิด้าโพล หรือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำนักงานสำรวจความเห็นชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลสำรวจประชาชน เรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 9” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,317 หน่วยตัวอย่าง
โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 97.0
ซึ่งจากการสำรวจพบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.80 ระบุว่า เป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตามมาด้วย อันดับ 2 ร้อยละ 13.06 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) และ อันดับ 3 ร้อยละ 11.85 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ
อันดับ 4 ร้อยละ 10.25 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 5 ร้อยละ 4.94 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 6 ร้อยละ 4.71 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 7 ร้อยละ 4.10 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 8 ร้อยละ 3.26 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล
อันดับ 9 ร้อยละ 2.96 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 10 ร้อยละ 2.35 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 11 ร้อยละ 1.90 ระบุว่าเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล และร้อยละ 1.82 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครจากพรรคกล้า ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย นางนวลพรรณ (มาดามแป้ง) ล่ำซำ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 8 เดือนธันวาคม 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และน.ส.รสนา โตสิตระกูล มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ และนายสกลธี ภัททิยกุล มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 3 มกราคม 2565 พบ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,927 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 2,906 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 21 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,203,622 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 2,903 ราย หายป่วยสะสม 2,150,207 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 33,114 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป
